ทำไมผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ บางคนจึงป่วยหนัก บางคนป่วยปานกลาง บางคนติดเชื้อแต่ไม่มีอาการใดๆ ทั้งที่ได้รับวัคซีนมาเหมือนๆ กัน หรือทำไมบางคนไม่ติดเชื้อเลยแม้อยู่ท่ามกลางไวรัสที่กระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ในขณะที่บางคนรักษามาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดแต่ก็ยังหนีไม่พ้นโรคโควิด-๑๙ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระลอกการระบาดล่าสุดของเชื้อโอไมครอน BA.5 นี่คือปริศนาสำคัญที่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ต้องพยายามค้นคว้าหาสาเหตุ และการค้นพบของนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลอาจเป็นคำตอบของปริศนานี้
วารสาร HLA เผยแพร่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลที่ระบุว่ายีน HLA-DRB1*04:01 น่าจะมีความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมกับภูมิต้านทานโรคโควิด-๑๙ จากการพบยีน HLA-DRB1*04:01 ในผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่ไม่มีอาการบ่อยกว่าผู้ป่วยที่แสดงอาการ ถึง ๓ เท่า ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่มียีนนี้อาจมีภูมิป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ในระดับหนึ่ง โดยนักวิจัยเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยในกลุ่มทดลองจำนวน ๔๙ รายที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการหายใจล้มเหลว และจากผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมจำนวน ๖๙ รายที่มีผลตรวจเป็นบวกแต่ผลตรวจแอนติบอดีในเลือดเป็นปกติ เพื่อศึกษาการจัดลำดับของยีน HLA ที่รวมกลุ่มกันบนโครโมโซม ๖
HLA-DRB1*04:01 เป็นยีนแอนติเจนของเม็ดเลือดขาวของมนุษย์ โดยทั่วไปแล้ว รหัสยีน HLA-DRB1 ของโปรตีนจะมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันและเป็นส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์เม็ดเลือดขาวของมนุษย์ (Human leukocyte antigen) ซึ่งเป็นครอบครัวของยีนที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถแยกแยะระหว่างโปรตีนในร่างกายกับโปรตีนที่เกิดจากไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อโรคชนิดอื่นๆ ที่บุกรุกเข้ามาได้ ดร.คาร์ลอส เอเชวาร์เรีย (Carlos Echevarria) ที่ปรึกษามูลนิธิ NHS Foundation Trust แห่งโรงพยาบาลนิวคาสเซิล ผู้เป็นหนึ่งในคณะวิจัยกล่าวว่าผลการทดลองนี้เป็นการค้นพบสำคัญที่ช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมบางคนติดเชื้อแต่ไม่ป่วย และเมื่อมีคนจำนวนหนึ่งที่มีภูมิต้านทานโควิด จึงไม่แสดงอาการเมื่อติดเชื้อ ทำให้มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสโดยไม่รู้ตัว

การศึกษาดังกล่าวยังระบุว่า ยีน HLA แปรผันตามความแข็งแรง-อ่อนแอและการต้านทานโรคต่างๆ ของร่างที่เชื้อไวรัสอาศัยอยู่ (Host) นอกจากนั้น ยังมีความเป็นไปได้ว่า การที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าชนิดอื่นมาก่อน เช่น วัณโรค มาลาเรีย ไวรัสตับอักเสบบี ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ โรคซาร์ส และเมอร์ส อาจส่งผลให้เกิดภูมิคุ้มกันแบบ cross-reactive ซึ่งอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรารับรู้ว่า SARS-CoV-2 มีลักษณะคล้ายกับไวรัสที่เคยบุกรุกล่าสุด จึงกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน
นักวิทยาศาสตร์หันมาศึกษาปัจจัยต่างๆ ในร่างกายมนุษย์เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับโรคโควิด-๑๙ มากขึ้น มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า พันธุกรรมเป็นสาเหตุของผู้ป่วยวิกฤตถึงเกือบร้อยละ ๒๐ และอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดความรุนแรงของโรค ในทางกลับกัน พันธุกรรมก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการต้านทานการติดเชื้อ SARS-CoV-2 เนื่องจากความแตกต่างในการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อ SARS-CoV-2 มีบทบาทในการกำหนดความรุนแรงของอาการ ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่รวดเร็วและแข็งแกร่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าถึงเซลล์ แม้ว่าเชื้อจะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้วก็ตาม

โดยปกติ การแสดงออกของยีน HLA จะขึ้นอยู่กับอายุ เพศและโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความรุนแรงของโรคโควิด-๑๙ ดังนั้น การรักษาสุขภาพและปรับวิถีชีวิตเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจึงน่าจะช่วยลดโอกาสในการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้อีกทางหนึ่ง เช่น การรับวิตามินดีเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ การนอนหลับให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่บุกรุกเข้ามา เป็นต้น
อ้างอิง
https://www.ncl.ac.uk/press/articles/archive/2021/05/geneprotectionforcovid19identified/
https://www.gavi.org/vaccineswork/havent-had-covid-yet-it-could-be-more-just-luck