โควิดปิดฉาก แต่อาจไม่จบบริบูรณ์

๒๒ เม.ย. ๒๕๖๕ | การดู ๑๕๗๒ ครั้ง

โรคโควิด-๑๙ จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น (endemic) ภายในปี ๒๕๖๕ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ประชากรโลกมีภูมิคุ้มกันที่มากพอจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อเท่านั้น เพราะการที่โรคระบาดใหญ่ลุกลามทั่วโลกที่เรียกว่า pandemic จะลดระดับลงมาเป็นโรคประจำถิ่นได้ เช่นโรคเอดส์ โรคไข้เลือดออก โรคซิฟิลิส และไข้หวัดใหญ่ที่เราคุ้นเคย หมายความว่าโรคนั้นจะต้องเป็นโรคที่เกิดขึ้นประจำภายในขอบเขตพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ โดยมีอัตราป่วยคงที่และสามารถคาดการณ์และควบคุมการระบาดได้ แม้ว่าโรคนั้นจะยังทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ก็ตาม

image widget

แม้ว่าโรคโควิด-๑๙ มีแนวโน้มว่าจะลดระดับกลายเป็นโรคประจำถิ่น ก็ไม่ได้หมายความว่าเชื้อนี้จะหายไปจากโลก ศ.ดร.เบอร์นาเด็ตต์ โบเดน-อัลบาลา (Bernadette Boden-Albala) ผู้อำนวยการและคณบดีผู้ก่อตั้งคณะสาธารณสุขศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ กล่าวว่าการควบคุมการระบาดที่มีอยู่ช่วยผลักดันให้โรคโควิด-๑๙ กลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยเฉพาะเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเจ็บป่วยที่รุนแรง ลดการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ลดอัตราการเสียชีวิตและที่สำคัญที่สุดคือลดการแพร่เชื้อได้มาก


ในการจัดระดับโรคระบาดนั้น ขอบเขตการระบาดจะเป็นตัวชี้วัดความรุนแรงของการระบาด ซึ่งขณะนี้ โรคโควิด-๑๙ ยังจัดว่าเป็นโรคระบาดใหญ่ลุกลามทั่วโลก ที่เรียกว่า pandemic เช่นเดียวกับ ไข้หวัดสเปน ในปี ๒๔๖๑ อยู่ ส่วนโรคระบาด หรือ epidemic ซึ่งมีระดับการระบาดที่รุนแรงลดลงมาจะหมายถึงโรคที่มีการระบาดแพร่กระจายผ่านประชากรตั้งแต่หนึ่งกลุ่มขึ้นไป ความชุกของการติดเชื้อแพร่กระจายเป็นวงกว้างหรือเกินคาดการณ์ได้แต่ไม่ลุกลามไปทั่วโลก เช่นโรคอีโบลา ที่ระบาดในทวีปแอฟริกาข้ามไปยังทวีปอื่น ๆ ระหว่างปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ ส่วนโรคประจำถิ่นนั้นหมายถึงโรคระบาดที่ยังสามารถรับมือได้ ซึ่งได้แก่

​​​​​​​

โรคเอดส์ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นโรคอุบัติใหม่ในปี ๒๕๒๗ พัฒนาเป็นโรคติดต่อที่เฝ้าระวัง จนกลายเป็นโรคประจำถิ่นในที่สุด

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคประจำถิ่นในเชิงระบาดวิทยา พบครั้งแรกในปี ๒๕๐๐ และเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามกฎหมายด้วย แม้ว่าเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ แต่หากเข้ารับการประเมินการรักษาไม่ทันท่วงที ผู้ป่วยก็มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคทางเดินหายใจที่เกิดตามฤดูกาลจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่แพร่กระจายไปทั่วประชากรในแต่ละปี แม้ว่าไข้หวัดใหญ่จะเป็นโรคประจำถิ่น แต่ไวรัสก็กลายพันธุ์บ่อยครั้งและมีส่วนทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ตามฤดูกาลทุกปี คนส่วนใหญ่ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สามารถฟื้นตัวได้เองที่บ้านโดยมีอาการไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก อาจมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงขึ้นได้

โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคประจำถิ่นที่พบทั่วโลก โชคดีที่มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี แนะนำให้ฉีดวัคซีน หากใครวางแผนที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีโรคตับอักเสบระบาดเฉพาะถิ่น

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เคยเป็นโรคประจำถิ่นทั่วโลก ต่อมาการรักษาที่มีประสิทธิภาพทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ปัจจุบันยังถือว่าเป็นโรคประจำถิ่นเฉพาะบางส่วนของทวีปแอฟริกา และในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีอัตราการเกิดโรคซิฟิลิสเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

image widget

หลายประเทศประกาศให้โรคโควิด-๑๙ เป็นโรคประจำถิ่น แม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะยังไม่ฟันธงว่าจะสามารถปรับระดับได้ภายในปี ๒๕๖๕ หรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ในขณะที่ประเทศไทยตั้งเป้าประกาศให้โควิด-๑๙ เป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ โดยพิจารณาจากการที่เชื้อลดความรุนแรงลง ซึ่งคำนวณจากอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงตามเกณฑ์ที่กำหนด ร่วมกับการจัดการระบบสาธารณสุขที่สามารถควบคุมและชะลอการระบาดได้


อย่างไรก็ตาม การจะควบคุมความรุนแรงของโรคโควิด-๑๙ ในระดับประชากรได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคน ที่ยังต้องเว้นระยะห่างและรักษามาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดรวมถึงเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงของการติดเชื้อ เพื่อจำกัดการระบาดในวงกว้าง


อ้างอิง

https://www.verywellhealth.com/what-is-an-endemic-disease-3132825

https://www.verywellhealth.com/covid-endemic-disease-5216753

https://www.publichealth.columbia.edu/public-health-now/news/epidemic-endemic-pandemic-what-are-differences